จากเดิมเราได้วางแผนไว้ดังนี้นะครับ
วันอังคารที่ 26 มกราคม 2553
05.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
07.05 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน FD3501
10.25 น. เดินทางถึงประเทศสิงคโปร์
12.00 น. เก็บสัมภาระที่โรงแรม Summer View Hotel (free airport - hotel transfer by seat in coach)
13.00 น. ศึกษา-สำรวจเส้นทางและระบบการเดินทางไป National University of Singapore (NUS),
Nanyang Technological University (NTU), Singapore Robotic Games 2010, Science
Centre Singapore
วันพุธที่ 27 มกราคม 2553 (confirmed)
08.00 น. รับประทานอาหารเช้า (ABF @ hotel)
09.30 น. ออกเดินทางสู่ Nanyang Technological University (NTU)
10.30 น. เยี่ยมชม BioRobotics Research Center, School of Mechanical & Aerospace
Engineering
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.30 น. ออกเดินทางสู่ National University of Singapore (NUS)
14.30 น. เยี่ยมชม Legged Locomotion Lab, Department of Mechanical Engineering
16.00 น. เยี่ยมชม Augmented Reality Laboratory, Department of Mechanical Engineering
18.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย และสำรวจเศรษฐกิจท้องถิ่น
วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม 2553
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (ABF @ hotel)
08.00 น. ออกเดินทางสู่ Singapore Robotic Games 2010
09.00 น. Micromouse Comp., Robot Soccer Comp. (Semi final & finals), Humanoid Robot
Competition, Legged Robot Marathon Race
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
15.00 น. Public Lecture
18.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัยและสำรวจเศรษฐกิจท้องถิ่น
วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2553
08.00 น. รับประทานอาหารเช้า (ABF @ hotel)
09.30 น. ออกเดินทางสู่ Science Centre Singapore
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. เข้าชม Science Centre Singapore (ต่อ)
17.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย
18.30 น. เดินทางสู่สนามบินชางฮี (free hotel - airport transfer by seat in coach)
20.40 น. ออกเดินทางจากประเทศสิงคโปร์ เที่ยวบิน FD3506
22.00 น. เดินทางถึงประเทศไทย
ทีนี้มาดูกันดีกว่ามาไปถึงจริงๆ แล้วนะเจออะไรกันบ้าง
เริ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ เหมือนกับแทบไม่ได้นอน เก็บของเสร็จก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว ตื่นมาอาบน้ำตี 3 ครึ่งแล้วก็ไปสนามบิน ตอนตี 4
ทริปคือถ้าจะไปให้ใกล้ จากที่ดู Google Maps กับป้อ ให้เลี้ยวไปทางพระราม9 แล้วต่อสาย กรุงเทพชลบุรี(สายใหม่) พอลงจากทางด่วน
ก็จะถึงด้านหน้าของสนามบินพอดี ของ Air Asia ต้องไป Check-in ที่ช่อง D-E เอาของติดตัวไปได้ 15 Kg. ไม่มีอาหารบริการบนเครื่อง
แลกเงินกับธนาคารทหารไทยมา 10,000 บาท อัตราแลกเปลี่ยน 23.86 บาทต่อหนึ่งดอลลาร์สิงคโปร
ได้เงินมา 419 ดอลลาร กับเงินทอน 2 บาท น่าตกใจเหมือนกัน เอาเงินหมื่นแลกมาได้เงินร้อย
ตอนอยู่บนเครื่องโชคดีได้เห็นรุ้งกินน้ำบนเมฆด้วย แต่ถ่ายรูปมากลับไม่ชัดแต่ของสวยมาก
พอมาถึงสนามบินชางฮี เราก็นั่งรถบัสฟรีของโรงแรม
ตู้ Touch Screen ที่ชอบดูพยากรณ์อากาศ แต่ผลการคำนวณเปลี่ยนบ่อยมาไม่เหมือนกันซักวัน
เมื่อวานพยากรณ์มีแต่เมฆ วันนี้เปลียนใหม่เป็นมีผลซะงั้น
อันนี้คล้ายๆ ก๊วยจ๊บแล้วแยกเครื่องกับเส้น แต่น้ำจิ้มรสชาติไม่เหมือนกัน
เริ่มสำรวจที่แรกที่ Marina Bay ก็ใช้บริการของรถไฟใต้ดิน MRT ที่นี่ต้องประกันค่าตั๋ว 1 เหรียญ + ค่าเดินทางเริ่มต้น 1 เหรียญ
สถานีต่อๆไปจะบวกเพิ่มอีกไม่มาก ดังนั้นถ้าเดินทางไกลๆจะดูเหมือนว่าคุ้มมากถ้าไปป้ายเดียวใกล้ๆเดินเอาดีกว่าได้ดูวิวด้วย
ถ่ายรูปกับสะพานที่อยู่ข้างหลังกับอาจารย์อ้อม ถ้ามองไกลออกไปอีกหน่อยด้านหลังจะเป็นจุดที่คนชอบไปถ่ายรูป Merlion
แม่น้ำตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำจืดหรือน้ำเค็มพระอยู่ติดกับทะเลมากๆ มีเรือนำเที่ยววิ่งไปมาหลายลำ
เริ่มสำรวจที่แรกที่ Marina Bay ก็ใช้บริการของรถไฟใต้ดิน MRT ที่นี่ต้องประกันค่าตั๋ว 1 เหรียญ + ค่าเดินทางเริ่มต้น 1 เหรียญ
สถานีต่อๆไปจะบวกเพิ่มอีกไม่มาก ดังนั้นถ้าเดินทางไกลๆจะดูเหมือนว่าคุ้มมากถ้าไปป้ายเดียวใกล้ๆเดินเอาดีกว่าได้ดูวิวด้วย
ถ่ายรูปกับสะพานที่อยู่ข้างหลังกับอาจารย์อ้อม ถ้ามองไกลออกไปอีกหน่อยด้านหลังจะเป็นจุดที่คนชอบไปถ่ายรูป Merlion
แม่น้ำตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำจืดหรือน้ำเค็มพระอยู่ติดกับทะเลมากๆ มีเรือนำเที่ยววิ่งไปมาหลายลำ
มาชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเอเชีย ที่นี่รวบรวมไว้หลายชาติมีของไทยเราด้วย
เด็กนักเรียนทีนี่โชคดีคุณครูจะพามาสอนเรื่องประวัติศาสตร์ได้เห็นของจริงๆเลย ตอนนี้ครูกำลังอธิบายความสำคัญของความกับคนอินเดีย
ที่นี้จะใช้ถาษาอังกฤษในการเรียนการสอน
เด็กนักเรียนทีนี่โชคดีคุณครูจะพามาสอนเรื่องประวัติศาสตร์ได้เห็นของจริงๆเลย ตอนนี้ครูกำลังอธิบายความสำคัญของความกับคนอินเดีย
ที่นี้จะใช้ถาษาอังกฤษในการเรียนการสอน
บรรยากาศคร่าวๆภายใน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เดินเท้าไปที่ Merlion ตัวเล็กและตัวใหญ่เป็นสวนสาธารณคนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก
ตัวใหญ่นี่เนื้อหอมมาคนถ่ายรูปเยอะกว่าจะหาที่ว่างแทรกตัวเข้าไปถ่ายไปก็นานอยู่
ตัวใหญ่นี่เนื้อหอมมาคนถ่ายรูปเยอะกว่าจะหาที่ว่างแทรกตัวเข้าไปถ่ายไปก็นานอยู่
พอตกเย็นมาเที่ยวต่อที่ย่าน China Town ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ไปเที่ยวปักกิ่งมาแต่ที่นี่ของแพงมากกว่ามา เสียเงินไปก็หลายอยู่
ซื้อของฝากจนเต็มเป้ ก็ไม่ค่อยเห็นวัฒนธรรมจีนเท่าไหร่ คล้ายๆกับม้งเศรษกิจบนดอยปุยยังไงยังงั้นเลย
วันที่ 2 ไปดูงานที่ NTU วันนี้หลังจากนั่ง MRT แล้วต้องต่อด้วยรถเมล์ที่นี่ใช้ RFID ในการจ่ายเงินค่ารถเมล์
ผู้โดยสารจะเดินขึ้นจากประตูหน้าข้างคนขับแล้วติ๊ดบัตร ส่วนเราไม่มีก็จะจ่ายเงินสดลงกล่องคนขับก็กดปุ่มเก็บเงิน
เวลาลงก็ต้องลงที่ประตูหลังทางเดียว
บรรยากาศข้างในรถ
มาลงที่ Robotics Research Center
รถนำทางด้วย GPS ตรวจสอบการชนด้วย Distance Sensor รอบคัน
หุ่นยนต์ดำน้ำสำรวจใช้มองเห็นภาพ 3D
ภาพ 3D ที่ต้องดูด้วยแว่นตาคาดว่าเป็นแบบ Passive
อันนี้เค้าไม่ได้โชว์แต่ ดูน่าสนใจดี
บาลานซ์บอร์ด ให้คนไปยืนทรงตัวด้านบน
แฟนทอมครับ
หุ่นยนต์ผ่าตัดจะมีหัวเลเซอร์ หัวคีบ กล้อง และไฟฉาย
หุ่นยนต์เต่า
ตึกนี้เท่ห์มาทำหลังคาเป็นสนามหญ้า ดูอีกด้านจะเหมือนดอยธรรมดา
พักทานข้าวเที่ยง ที่ร้านติดกับสถานี MRT
คนที่นี้ชอบกินทุเรียนมาก
ประชุมเครียด ไป NUS ทางไหนดี
Humanoid ที่นี่่ตัวใหญ่กว่าของ FIBO อันนี้เหมือนจะเป็นรุ่นที่ 5 แล้วแตะบอลยังไม่ค่อยดี ล้มบ่อยมาก
รุ่นที่ 6 ใช้กลไกที่ทำให้ฝ่าเท้าขนาดกับพื้น ยืนได้มั่นคงดีมาก คนที่ทำเป็นเด็กเครื่องกลป.ตรี อยู่เลย
โปสเตอร์Robotics Game
Exoskeleton ของท่อนขา
งานวิจับเกี่ยวกับเครนยกตู้คอนเทรนเนอร์
Parallel Robot
Augmented Reality ทำ Virtual Remote Control ปิดเปิดเครื่องใช้ไปฟ้า ทีวี พัดลม ดูแล้วเฉยๆ
ไป Sentosa ดูการแสดง Song of the sea
ปลาตัวนี้เป็นตัวเอกของเรื่อง
ระหว่างรอแสดงไปนั่งกระเช้าลอยฟ้า
ไหลรถลงมาเขา ดิบไปก็หลายรอบ
เดินเที่ยวย่านอินเดีย
อาหารอินเดีย เป็นโลตีกับแกงกะหรี่
ที่นี่บทลงโทษรุนแรงมาก
วันที่ 3 ไปเที่ยว Suntec, City Hall, Robotics Game, Flyer
เดินผ่านอนุเสาวรีย์สงครามโลกของญี่ปุ่น
ต้นไม้ข้างถนนที่นี่เก่าแก่จริงๆ ทางเดินเลยดูร่มมาก
City Hall
กำลังยุ่งกับการเปลี่ยนเลนส์
เดินผ่านไม่รู้อะไรถ่ายไว้ก่อน
รถใต้ดินไม่แตกต่างจากบ้านเราเท่าไหร่แต่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า
Suntec
เครื่องหยอดเหรียญเล่นเกม คิดถึงสมัยเด็กหมุนแล้วได้ไข่
มื้อนี้กินอาหารมาเลเซีย
ศาสนสถานแบบอินเดีย
Robotics for Live Lecture: Oussama Khatib พูดถึงเรื่องที่ต้องทำเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทำงานร่วมกับคนได้
เช่น เรื่องความ Safety เช่น ต้องมีน้ำหนักเบา ต้องอย่ายึดติดกับคำว่า 1DOFต่อ 1 Motor
ใช้ posture control ในการหลีกเลี่ยงสิ่งกึดขวาง ระยะห่างระหว่าง คนกับหุ่นยนต์
รถที่วิ่งได้ทั้งบนบกและในน้ำ
คาสิโนที่กำลังสร้าง
Flyer เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่
มองเห็นวิวจากความสูง 165 เมตร
ถนน Orchard แหล่ง shopping ของ Brand Name ยามค่ำคืนแพงมากมาย ว่างๆมากนั่งเขียนโปสการ์ดดีกว่า
ที่น่ามีหลายร้านขายโปสการ์ด แต่สิ่งที่หายากคือสแตมป์ถามสาวสิงคโปรได้ความมากว่าคนที่นี่เค้าไม่ค่อยมีใช้แล้ว
สุดท้ายหาได้มาจากร้านขายของชำเล็กๆ ส่งมาไทยใช้ 70 เซ็นต์ แต่เค้าไม่มี มีแต่ 1 ดอลลาร์ กับ 50 เซ็นต์ เลยตัดใจซื้อ 1ดอลลาร์
ไอติมที่นี่อร่อยดี
สีสันยามค่ำคืน
วันที่ 3 Science Museum :Body World, IMAX under the sea, Science Center
ทางเข้าด้านหน้า
IMAX เรื่อง Under the sea
Body World
โซนภาพลวงตา
โซนสัตว์น้ำ
โซนแบททีเรีย
โซนร่างกายมนุษย์
ภาวะโลกร้อน เครื่องวัด CO2
โปรการ์ด ลดโลกร้อน
สัตว์ใต้ทะเล
โซนหุ่นยนต์
โซนคณิตศาสตร์ โชว์เรื่องการอินทริเกรต
เลนส์ขยายเสียง
การเข้ารหัส
โซนอวกาศ
อีที
โซนนาโนเทคโนโลยี
กลับถึงเมืองไทยโดนสว้สดีภาพครับ
ซื้อของฝากจนเต็มเป้ ก็ไม่ค่อยเห็นวัฒนธรรมจีนเท่าไหร่ คล้ายๆกับม้งเศรษกิจบนดอยปุยยังไงยังงั้นเลย
วันที่ 2 ไปดูงานที่ NTU วันนี้หลังจากนั่ง MRT แล้วต้องต่อด้วยรถเมล์ที่นี่ใช้ RFID ในการจ่ายเงินค่ารถเมล์
ผู้โดยสารจะเดินขึ้นจากประตูหน้าข้างคนขับแล้วติ๊ดบัตร ส่วนเราไม่มีก็จะจ่ายเงินสดลงกล่องคนขับก็กดปุ่มเก็บเงิน
เวลาลงก็ต้องลงที่ประตูหลังทางเดียว
บรรยากาศข้างในรถ
มาลงที่ Robotics Research Center
รถนำทางด้วย GPS ตรวจสอบการชนด้วย Distance Sensor รอบคัน
หุ่นยนต์ดำน้ำสำรวจใช้มองเห็นภาพ 3D
ภาพ 3D ที่ต้องดูด้วยแว่นตาคาดว่าเป็นแบบ Passive
อันนี้เค้าไม่ได้โชว์แต่ ดูน่าสนใจดี
บาลานซ์บอร์ด ให้คนไปยืนทรงตัวด้านบน
แฟนทอมครับ
หุ่นยนต์เต่า
ตึกนี้เท่ห์มาทำหลังคาเป็นสนามหญ้า ดูอีกด้านจะเหมือนดอยธรรมดา
พักทานข้าวเที่ยง ที่ร้านติดกับสถานี MRT
คนที่นี้ชอบกินทุเรียนมาก
ประชุมเครียด ไป NUS ทางไหนดี
Humanoid ที่นี่่ตัวใหญ่กว่าของ FIBO อันนี้เหมือนจะเป็นรุ่นที่ 5 แล้วแตะบอลยังไม่ค่อยดี ล้มบ่อยมาก
รุ่นที่ 6 ใช้กลไกที่ทำให้ฝ่าเท้าขนาดกับพื้น ยืนได้มั่นคงดีมาก คนที่ทำเป็นเด็กเครื่องกลป.ตรี อยู่เลย
โปสเตอร์Robotics Game
Exoskeleton ของท่อนขา
งานวิจับเกี่ยวกับเครนยกตู้คอนเทรนเนอร์
Parallel Robot
Augmented Reality ทำ Virtual Remote Control ปิดเปิดเครื่องใช้ไปฟ้า ทีวี พัดลม ดูแล้วเฉยๆ
ไป Sentosa ดูการแสดง Song of the sea
ปลาตัวนี้เป็นตัวเอกของเรื่อง
ระหว่างรอแสดงไปนั่งกระเช้าลอยฟ้า
ไหลรถลงมาเขา ดิบไปก็หลายรอบ
เดินเที่ยวย่านอินเดีย
อาหารอินเดีย เป็นโลตีกับแกงกะหรี่
ที่นี่บทลงโทษรุนแรงมาก
วันที่ 3 ไปเที่ยว Suntec, City Hall, Robotics Game, Flyer
เดินผ่านอนุเสาวรีย์สงครามโลกของญี่ปุ่น
ต้นไม้ข้างถนนที่นี่เก่าแก่จริงๆ ทางเดินเลยดูร่มมาก
City Hall
กำลังยุ่งกับการเปลี่ยนเลนส์
เดินผ่านไม่รู้อะไรถ่ายไว้ก่อน
รถใต้ดินไม่แตกต่างจากบ้านเราเท่าไหร่แต่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า
Suntec
เครื่องหยอดเหรียญเล่นเกม คิดถึงสมัยเด็กหมุนแล้วได้ไข่
มื้อนี้กินอาหารมาเลเซีย
ศาสนสถานแบบอินเดีย
Robotics for Live Lecture: Oussama Khatib พูดถึงเรื่องที่ต้องทำเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทำงานร่วมกับคนได้
เช่น เรื่องความ Safety เช่น ต้องมีน้ำหนักเบา ต้องอย่ายึดติดกับคำว่า 1DOFต่อ 1 Motor
ใช้ posture control ในการหลีกเลี่ยงสิ่งกึดขวาง ระยะห่างระหว่าง คนกับหุ่นยนต์
รถที่วิ่งได้ทั้งบนบกและในน้ำ
คาสิโนที่กำลังสร้าง
Flyer เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่
มองเห็นวิวจากความสูง 165 เมตร
ถนน Orchard แหล่ง shopping ของ Brand Name ยามค่ำคืนแพงมากมาย ว่างๆมากนั่งเขียนโปสการ์ดดีกว่า
ที่น่ามีหลายร้านขายโปสการ์ด แต่สิ่งที่หายากคือสแตมป์ถามสาวสิงคโปรได้ความมากว่าคนที่นี่เค้าไม่ค่อยมีใช้แล้ว
สุดท้ายหาได้มาจากร้านขายของชำเล็กๆ ส่งมาไทยใช้ 70 เซ็นต์ แต่เค้าไม่มี มีแต่ 1 ดอลลาร์ กับ 50 เซ็นต์ เลยตัดใจซื้อ 1ดอลลาร์
สีสันยามค่ำคืน
วันที่ 3 Science Museum :Body World, IMAX under the sea, Science Center
ทางเข้าด้านหน้า
IMAX เรื่อง Under the sea
Body World
โซนภาพลวงตา
โซนสัตว์น้ำ
โซนแบททีเรีย
โซนร่างกายมนุษย์
ภาวะโลกร้อน เครื่องวัด CO2
โปรการ์ด ลดโลกร้อน
สัตว์ใต้ทะเล
โซนหุ่นยนต์
โซนคณิตศาสตร์ โชว์เรื่องการอินทริเกรต
เลนส์ขยายเสียง
การเข้ารหัส
โซนอวกาศ
อีที
โซนนาโนเทคโนโลยี
กลับถึงเมืองไทยโดนสว้สดีภาพครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น